prayer

“สวดมนต์”แค่ไหน พระเจ้าจึงจะเห็นใจ?

การสวดมนต์นับเป็นสิ่งที่ดี แต่เราเคยสงสัยกันไหมว่า แล้วสวดเท่าไหร่ถึงจะดีที่สุด หากต้องการให้พระเจ้าเห็นใจ Heckman (2010) นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลได้ให้คำแนะนำนี้กับเรา เพื่อการสวดมนต์อันเป็นสิริมงคล

……….


[เสด-ถะ-สาด].com ขอนำเสนอบทความของ James Heckman (2010) นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เกี่ยวกับการประมาณการทัศนคติของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ โดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับการสวดมนต์มาเป็นปัจจัยกำหนด เรื่องนี้อ่านแล้วนึกถึงอีกบทความหนึ่งของ Paul Krugman เรื่อง “การค้าระหว่างดวงดาว”จะเกิดได้จริงหรือไม่ในทางเศรษฐศาสตร์? เหมือนกันนะครับ ^^

อย่างไรก็ดี บทความนี้อาจจะสั้นๆ ห้วนๆ ทั้งนี้ก็เพราะ Heckman (2010) เขียนเรื่องนี้ไว้ไม่ถึงหนึ่งหน้าเนื้อหา (ไม่รวมตารางและกราฟ) เพียงแต่ [เสด-ถะ-สาด].com เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าจะนำไปต่อยอดได้ครับ

“ภาพวาดฝาผนังในพิพิธภัณฑ์วาติกันที่แสดงให้เห็นว่าโลกมนุษย์กับสวรรค์ห่างกันแค่เพียงปลายนิ้ว” (ที่มาของภาพ)

The Creation of Adam

Heckman (2010) ใช้ข้อมูลจากการสำรวจของ National Opinion Research Center เกี่ยวกับเรื่องทัศนคติทางด้านศาสนา และใช้วิธีวิเคราะห์ในแบบเดียวกับ Singh (1977) โดยกำหนดให้ Y คือทัศนคติของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติ มีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 X คือความหนาแน่นของจำนวนผู้สวดมนต์เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร มีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 เช่นกัน f(X) คือฟังก์ชันความหนาแน่นของประชากรผู้สวดมนต์ (Population Density of Prayer) [Heckman (2010) อ้างว่าเอาฟังก์ชันนี้มาจาก Greeley, A. M. (1972). Unsecular man: The persistence of religion. New York: Schocken Books. แต่ [เสด-ถะ-สาด].com ไม่สามารถหาหนังสือเล่มนี้ได้จริงๆ เลยไม่สามารถบอกได้ว่าฟังก์ชันหน้าตาเป็นอย่างไร]

……….

การที่คนจะสวดมนต์มากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า ดังนั้น ฟังก์ชันความหนาแน่นของการสวดมนต์ย่อมอยู่ที่เงื่อนไขของทัศนคติของพระเจ้าด้วย (Conditional Density of X given Y) แสดงได้ว่า g(X|Y) = a(Y)exp(XY) โดย a(Y) เป็นฟังก์ชันที่ไม่รู้รูปแบบ

อย่างไรก็ดี E(Y|X=x) = \frac{f'(x)}{f(x)} จะทำให้เราสามารถประมาณค่าสมการทัศนคติของพระเจ้า (Y) ที่เกิดจากความหนาแน่นของการสวดมนต์แต่ละระดับ (X=x) จากฟังก์ชันความหนาแน่นของประชากรผู้สวดมนต์ของ Greeley ซึ้่งมีข้อมูลของฟังก์ชันนี้ว่า คนส่วนใหญ่มีสองจำพวกคือไม่สวดมนต์เลย และสวดมนต์เยอะมากๆ และจากข้อมูลของ Greeley ช่วยให้เราได้ข้อสรุปตามความหนาแน่นของการสวดมนต์ในแต่ละช่วง ดังตารางที่ ๑ และรูปที่ ๑

“ตารางที่ ๑ ผลการประมาณค่าสมการในแต่ละช่วง”

god

“ภาพที่ ๑ ผลการประมาณค่าสมการในแต่ละช่วง”

God2

……….

ข้อสรุปของเรื่องนี้ก็คือ ถ้าคุณไม่สวดมนต์เลย คุณก็จะได้รับความเห็นใจจากพระเจ้าตามมีตามเกิด (เพียงเล็กน้อยตามหน้าที่ของพระเจ้า) ขณะที่ถ้าคุณสวดมนต์มากก็จะได้รับความเห็นใจจากพระเจ้ามากเช่นกัน ในส่วนของการสวดมนต์เพียงเล็กน้อยนั้น จะไม่ได้รับความเห็นใจจากพระเจ้า และอาจเสียเวลาเปล่าๆ (ผลที่ได้มีค่าเป็นลบ)

อย่างไรก็ดี ข้อสรุปของประเด็นนี้ไม่ได้รับคำอธิบายมากนักจาก Heckman (2010) ว่าทำไมการสวดมนต์น้อยจึงทำให้สถานการณ์แย่กว่าการไม่สวดมนต์เลย ทั้งนี้ก็เพราะ Heckman (2010) ต้องการชี้ให้เห็นคุณูปการของการคำนวณทางสถิติที่เราสามารถประมาณการตัวแปรบางประเภทที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตัวแปรที่มองเห็นได้ เขายังเสนอด้วยว่า เทคนิคนี้สามารถนำไปประมาณการความสัมพันธ์ระหว่างรายได้กับความสุข หรือความสัมพันธ์ระหว่างความไม่เท่าเทียมกันของรายได้กับคุณภาพของประชาธิปไตยได้ด้วย






ที่มา:
James Heckman, 2010. “The Effect Of Prayer On God’S Attitude Toward Mankind,” Economic Inquiry, Western Economic Association International, vol. 48(1), pages 234-235, 01.

featured image from here

  • ขอบคุณพระเจ้า

    ต่อหน้าพระพักตร์ “พระเจ้า” เราผู้เชื่อในพระเจ้าใช้คำว่า “อธิษฐาน” ครับ

    เพราะเราใช้ถ้อยคำที่เป็นภาษาที่เราเข้าใจและใช้ในชีวิตประจำวันสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้า

    ไม่ใช้สวดด้วยภาษาที่เราไม่เข้าใจหรือไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน

    • http://setthasat.com/ [เสด-ถะ-สาด]

      ขอบคุณมากครับ ผมเพิ่งเข้าใจและเห็นด้วยตามที่เสนอมาครับ

  • ขอบคุณพระเจ้า

    พระเจ้าอวยพรครับ
    God Bless You.

  • https://www.facebook.com/KHUNLADYKATE kathykatelee

    Pray more
    Worry less

    Matthew 6:34