“ความยาวของน้องชาย” สัมพันธ์กับ GDP อย่างไร?
การเติบโตทางเศรษฐกิจถือเป็นตัวเลขที่คนในทุกสังคมให้ความสนใจ ในอีกด้านหนึ่ง “ความยาวของน้องชาย” ก็เป็นตัวเลขที่คงมีคนสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน แต่เชื่อหรือไม่ว่า แท้จริงแล้วตัวเลขสองตัวนี้มีความสัมพันธ์กัน
……….
Westling (2011) ได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความยาวของน้องชาย ระหว่างปี 1960 ถึง 1985 ของ 98 ประเทศที่ไม่รวมประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (เพราะอาจทำให้ GDP สูงกว่าที่ควรจะเป็น) ด้วยแบบจำลองการเติบโตทางเศรษฐกิจประยุกต์ของ Solow (Augmented Solow growth model)
ตารางที่ ๑ แสดงตัวแปรที่ถูกนำมาคำนวณในสมการ ประกอบด้วย GDP สัดส่วนการลงทุนต่อรายได้ (I/Y) สัดส่วนของประชากรวัยทำงานที่อยู่ในระดับมัธยม (SCHOOL) ความยาวของน้องชาย (ORGAN) ระดับการพัฒนาประชาธิปไตย (POLITY1980) [ความยาวของน้องชายเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 10.16 ซม. และดู สถิติของแต่ละตัวแปร รวมถึงความยาวของน้องชาย ของแต่ละประเทศ ได้ที่ตารางด้านล่างสุด]
“ตารางที่ ๑ ค่าสถิติเชิงพรรณนาของตัวแปร”
ตารางที่ ๒ แสดงค่าสัมประสิทธิ์ของผลการประมาณค่าสมการที่พบว่า สัดส่วนการลงทุนต่อรายได้ สัดส่วนของประชากรวัยทำงานที่อยู่ในระดับมัธยม และระดับการพัฒนาประชาธิปไตย มีผลทางบวกกับระดับ GDP ขณะที่อัตราการเติบโตของประชากร (ln(n+g+[delta]) และความเป็นประเทศในทวีปแอฟริกา มีผลทางลบกับระดับ GDP
ตัวแปรที่เราสนใจคือ ความยาวของน้องชายมีค่าสัมประสิทธิ์เป็นบวก หมายความว่าระดับ GDP จะเพิ่มขึ้น เมื่อความยาวของน้องชายเพิ่มขึ้น และ ความยาวของน้องชายยกกำลังสองมีค่าสัมประสิทธิ์เป็นลบ หมายความว่าระดับ GDP จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เมื่อความยาวเพิ่มขึ้น ที่น่าสนใจก็คือ ความยาวของน้องชายมีผลต่อระดับ GDP อย่างมีนัยสำคัญ ชัดเจนกว่าระดับการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศนั้นๆ เสียอีก
“ตารางที่ ๒ ค่าสัมประสิทธิ์จากการประมาณค่าสมการ”
……….
หากนำเอาความสัมพันธ์มาแสดงเป็นกราฟ ความยาวของน้องชาย (แกนนอน เป็น ซม.) กับ ระดับ GDP (แกนตั้ง เป็นเหรียญ สรอ.ต่อหัว) จะพบว่ามีความสัมพันธ์แบบโค้งระฆังคว่ำ (Inverse U-shaped) หมายความว่า ความยาวของน้องชายจะมีความสัมพันธ์กับระดับของ GDP ในช่วงแรก และระดับของ GDP จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อยๆ ลดลง เมื่อความยาวเพิ่มขึ้น จนถึงจุดหนึ่งก็จะลดลง สอดคล้องกับผลการประมาณค่าสมการ ดังภาพที่ ๑ ซึ่งพบว่า ความยาวของน้องชายประมาณ 13 ซม.เป็นความยาวที่ดีที่สุดต่อมูลค่าของ GDP
“ภาพที่ ๑ ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวของน้องชายกับระดับ GDP”
เหตุผลของความสัมพันธ์ระหว่างความยาวน้องชายกับระดับของ GDP ก็คือ
- Boas et al. (2006) ชี้ว่า ความยาวของน้องชายมีความสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนเพศชาย (testosterone) และ Apicella et al. (2008) ก็ชี้ว่า ระดับฮอร์โมนเพศชายมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมกล้าเสี่ยง (risk- taking behavior) โดยสรุปก็คือว่า ความยาวของน้องชายเป็นตัวบ่งบอกพฤติกรรมกล้าเสี่ยงของคนในสังคม และแน่นอนว่า ถ้ามีพฤติกรรมกล้าเสี่ยงน้อยเกินไป หรือมากเกินไปก็จะไม่ดีต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจ นั่นคือความเสี่ยงที่เหมาะสม จะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศสูงที่สุด (เป็นรูประฆังคว่ำ)
- Wylie and Eardley (2007); Winter (1989) ชี้ว่า ความยาวของน้องชายเป็ยเครื่องชี้วัดความภาคภูมิใจในตัวเอง (self-esteem) ของผู้ชาย ดังนั้น การเพิ่มตัวแปรนี้เข้าไปในแบบจำลองการเติบโตทางเศรษฐกิจของ Solow จึงเปรียบเสมือนการเพิ่มตัวแปรชี้วัดความภาคภูมิใจในตัวเองของคนแต่ละชาติเข้าไปในแบบจำลอง และช่วยอธิบายปัจจัยที่เคยขาดหายไปในแบบจำลองนั้นๆ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ข้อบกพร่องสำคัญของแบบจำลองนี้ก็คือ ชายเป็นใหญ่ เพราะแทบไม่มีพื้นที่ในการอธิบายบทบาทของผู้หญิงที่มีต่อระดับ GDP ในแบบจำลองเลย แต่คุณูปการก็คือการชี้ให้เห็นถึงค่าตัวชี้วัดความภาคภูมิใจที่ดูเหมือนว่าจะมีผลต่อระดับ GDP มากพอสมควรเลยทีเดียว นอกจากนี้ แม้ความยาวของน้องชายจะมีบทบาทมากเพียงใด สังคมก็ควรจะยังคงเน้นในเรื่องการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อเพิ่ม GDP ต่อไป โดยไม่ควรมาเน้นเรื่องความยาวของน้องชายเพื่อเพิ่มระดับ GDP อย่างที่บทความนี้ว่าไว้นะครับ ^^
สถิติของแต่ละตัวแปร รวมถึงความยาวของน้องชาย ของแต่ละประเทศ
“สถิติของแต่ละตัวแปร รวมถึงความยาวของน้องชาย ของแต่ละประเทศ (๑/๒)”
“สถิติของแต่ละตัวแปร รวมถึงความยาวของน้องชาย ของแต่ละประเทศ (๒/๒)”
อ้างอิง: Westling, Tatu, 2011. “Male organ and economic growth: does size matter?,” MPRA Paper 32302, University Library of Munich, Germany.